KingClass Academy นำนักเรียนก้าวสู่ความเป็นนักสร้างนวัตกรรม
ระดับ World Class ด้วยโปรแกรม SMILE จากมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด
ผู้บริหาร KingClass Academy สำนักงานใหญ่ และผู้เข้าร่วมฟังบรรยาย
ถ่ายรูปร่วมกับดอกเตอร์พอล คิม (Dr.Paul Kim) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
เมื่อวันที่ 3 – 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 KingClass Academy สำนักงานใหญ่ จัดการบรรยายและกิจกรรม (Workshop) เพิ่มพูนความรู้โดยเชิญดอกเตอร์พอล คิม (Dr.Paul Kim) Chief Technology Officer และ Assistant Dean of the Graduate School of Education มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มาเป็นวิทยากรบรรยายเพิ่มพูนความรู้และเปิดมุมมองด้านใหม่เกี่ยวกับนวัตกรรมทางการศึกษาให้กับผู้บริหารสถาบัน KingClass Academy และพนักงาน KingClass Academy สำนักงานใหญ่จำนวน 35 คน ในหัวข้อ “A Great Question is the New Innovation” กระบวนการตั้งคำถามที่จะนำไปสู่นวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลก ผ่านโปรแกรม SMILE (Stanford Mobile Inquiry-based Learning Environment) เพื่อพัฒนาความสามารถของนักเรียน KingClass Academy ทั่วประเทศให้ก้าวสู่ความเป็นอัจฉริยะเทียบเท่าสากล
คุณจินตนา พรรักษมณี กรรมการผู้จัดการ คุณสุพจน์ อารยะประยูร กรรมการบริหาร และพนักงานบริษัทเอดู พาร์ค จำกัด (KingClass Academy สำนักงานใหญ่) และผู้บรรยาย ดอกเตอร์พอล คิม จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ถ่ายภาพร่วมกัน
คำถามคือกุญแจที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
แม้แต่องค์กรชั้นนำระดับโลกที่ขึ้นชื่อด้านการคิดค้นและพัฒนาประดิษฐกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าง Google ก็มีการให้ความสำคัญกับการตั้งคำถามและได้มีพัฒนาโปรแกรม Google Dory ขึ้น เพื่อใช้สำหรับตั้งคำถาม ตอบคำถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันภายในองค์กร แล้วนำข้อมูลที่ได้มาใช้พัฒนาระบบให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา KingClass Academy ในฐานะสถาบัน การศึกษาที่มุ่งเน้นพัฒนาทักษะและศักยภาพของนักเรียนให้ก้าวสู่ความเป็นอัจฉริยะจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทักษะการตั้งคำถาม ซึ่งจะดึงเอาความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดในตัวของนักเรียนออกมาใช้ และเกิดการพัฒนาจนก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมในอนาคต ด้วยวิธีการเรียนรู้ในรูปแบบเดียวกับ SMILE ที่ได้รับการยอมรับและใช้งานในโรงเรียนประถมในมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด และอีก 27 ประเทศทั่วโลก
แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรม SMILE
ดอกเตอร์พอล คิม กล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรม SMILE ว่า การศึกษาที่เรามักคุ้นชินกันคือการศึกษาในรูปแบบที่ครูเป็นผู้ให้ความรู้ ผู้บอกให้นักเรียนทำ และรวมถึงเป็นผู้ตั้งคำถามให้นักเรียนตอบ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวครูจะเป็นคนเดียวในชั้นเรียนที่ใช้ความรู้มากที่สุดและนักเรียนอาจไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย และในมุมมองของนักเรียนความรู้ที่ถูกถ่ายทอดมายังพวกเขา หากไม่มีความเกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับพวกเขา นักเรียนก็จะไม่เปิดรับความรู้นั้น SMILE จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนากระบวนการตั้งคำถามซึ่งจะทำให้เห็นแนวทางความสนใจ ความเข้าใจ รวมถึงความบกพร่องของนักเรียน เมื่อนักเรียนมีพัฒนาการในการตั้งคำถามขึ้นเรื่อยๆ ก็จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอนาคต
“We want to bring out more discussion in SMILE classroom”
พวกเราต้องการที่จะให้เกิดการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากขึ้นในห้องเรียน SMILE ดอกเตอร์พอล คิม กล่าว
บรรยากาศการเข้าร่วมฟังบรรยายและทำกิจกรรม (Workshop)
ผศ.ฉันทนา ซิมตระการกุล ผู้บริหารสถาบัน KingClass Academy สาขาเลย หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวว่า โลกทุกวันนี้เรารู้แค่ในสิ่งที่เรารู้หรือถนัดอย่างเดียวไม่ได้แล้ว SMILE จุดประกายความคิดใหม่ๆ เรื่องการตั้งคำถามเพราะเมื่อเราตั้งคำถามบ่อยๆ ก็เหมือนกับการที่เราสร้างบ้าน เราต้องร่อนทรายที่จะนำมาใช้สร้างบ้านให้ละเอียด เราจึงจะได้บ้านที่เรียบสวยงาม ความรู้ที่เกิดจากการตั้งคำถามก็เช่นกัน เราจะได้เกลาความคิด ความรู้ และมีความละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น
ด้านคุณจักรชัย แสงพันธ์ ผู้บริหารสถาบัน KingClass Academy สาขาแพร่ อีกหนึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวว่า SMILE ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้นักเรียนเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่นักเรียนจะได้แสดงความคิด แสดงออกมากขึ้น ไม่ใช่เป็นผู้รับความรู้จากครูเพียงฝ่ายเดียว